7 พ.ย. 2568
ถอดรหัสมาตรฐานท่อเหล็ก ASTM A53: Grade A และ B ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกใช้ในงานระบบไหน
ASTM A53 เป็นมาตรฐานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายสำหรับท่อเหล็กกล้าคาร์บอน (Carbon Steel Pipe) ที่ผลิตแบบไม่มีตะเข็บ (Seamless, Type S) หรือแบบเชื่อมด้วยความต้านทานไฟฟ้า (ERW, Type E) ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับงานทางกลไก (Mechanical) และงานระบบแรงดัน (Pressure Applications)
ท่อ ASTM A53 แบ่งออกเป็นสองเกรดหลักคือ Grade A และ Grade B ซึ่งมีความแตกต่างอย่างชัดเจนในด้านคุณสมบัติทางเคมีและคุณสมบัติเชิงกล ซึ่งเป็นตัวกำหนดความเหมาะสมในการใช้งานในโครงการต่างๆ
เปรียบเทียบคุณสมบัติทางเคมี: Carbon และ Manganese ที่ส่งผลต่อ Strengthเปรียบเทียบคุณสมบัติทางเคมี: Carbon และ Manganese ที่ส่งผลต่อ Strength
ความแตกต่างระหว่าง Grade A และ Grade B ส่วนใหญ่มาจากการควบคุมส่วนประกอบทางเคมี โดยเฉพาะธาตุคาร์บอน (C) และแมงกานีส (Mn)

reference : https://www.ilongma.com/astm-a53-chemical-composition-and-mechanical-properties-explained/
https://amerpipe.com/products/carbon-pipe/a53/a53-specifications/
Grade B อนุญาตให้มีปริมาณคาร์บอนและแมงกานีสสูงสุดที่สูงกว่า Grade A การเพิ่มปริมาณของธาตุเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ Grade B มีความแข็งแรงที่สูงกว่า
Grade A: มีส่วนประกอบทางเคมีที่ "พอเหมาะ" กว่า ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการทำงานเย็น (Cold Working) และการแปรรูป
คุณสมบัติเชิงกล: Strength (แรงดึง/แรงคลาก) และ Ductility (ความเหนียว/การดัดโค้ง)
คุณสมบัติทางเคมีที่แตกต่างกันส่งผลให้ความต้องการคุณสมบัติเชิงกลขั้นต่ำ (Minimum Mechanical Properties) ของทั้งสองเกรดแตกต่างกันอย่างชัดเจน
reference : https://www.ilongma.com/astm-a53-chemical-composition-and-mechanical-properties-explained/
https://www.botopsteelpipes.com/wp-content/uploads/API-5L-VS-ASTM-A53.pdf
• Grade B มีตัวชี้วัดความต้านทานแรงดึงและแรงคลากที่สูงกว่า Grade A ทำให้เป็นทางเลือกแรกเมื่อต้องการความปลอดภัย (Safety Margin) หรือความสามารถในการรับแรงดันที่สูง
• Grade A มีความเหนียว (Ductility) ที่ดีกว่า เหมาะสำหรับงานที่ต้องมีการดัดโค้งหรือแปรรูป (Forming).
ข้อแนะนำการเลือกใช้งานสำหรับวิศวกรและผู้รับเหมา
การเลือกเกรดที่เหมาะสมช่วยให้มั่นใจได้ว่าท่อจะตรงตามข้อกำหนดของงานและช่วยควบคุมต้นทุนโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ:
การใช้งานที่เน้นความแข็งแรงและการรับแรงดัน (Strength-Focused Applications: เลือก Grade B)
หากความปลอดภัยและขีดความสามารถในการรับแรงดันเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ควรเลือก ASTM A53 Grade B
• ระบบดับเพลิง (Fire Protection System): ท่อเหล็กกล้าคุณภาพสูง ASTM A53 SCH.40 มักถูกนำมาใช้ในงานระบบนำแรงดันสูงโดยเฉพาะ เช่น ระบบดับเพลิง โดยนิยมใช้ Grade B เนื่องจากมี Strength ที่เหนือกว่า
• การลำเลียงแรงดันสูง: ใช้ในงานส่งไอน้ำ (Steam), ก๊าซ (Gas), น้ำมัน (Oil)
• งานโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงสูง: ใช้สำหรับงานโครงสร้าง (Structural Support) และงานติดตั้งทางกลและไฟฟ้า (Mechanical/Electrical Installation)การใช้งานที่ต้องมีการดัดโค้งและการแปรรูป (Forming-Focused Applications: เลือก Grade A)
หากโครงการของคุณต้องมีการแปรรูปท่อในพื้นที่หน้างาน เช่น การดัดเย็น (Cold Bending), การขยายปลายท่อ (Flaring), หรือการขด (Coiling) ควรเลือก ASTM A53 Grade A
• งานระบบน้ำและระบายน้ำ: เหมาะสำหรับระบบน้ำประปา และระบบระบายน้ำ (Drainage)
• งานที่ต้องการการดัดโค้งมาก: Grade A ถูกออกแบบมาสำหรับงานที่ต้องการการทำงานเย็นและขึ้นรูปที่ยืดหยุ่นกว่า
ข้อควรทราบสำหรับผู้รับเหมา: สำหรับท่อ Grade B ที่ผลิตแบบ ERW (Electric Resistance Welded) ต้องผ่านการอบชุบความร้อนที่รอยเชื่อมที่อุณหภูมิ ≥1000 °F (ประมาณ 540 °C) หลังการเชื่อม เพื่อเพิ่มความเหนียวและความเสถียรของรอยเชื่อม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการประกันคุณภาพ

คู่มือคำนวณความหนาท่อ (Pipe Thickness Calculation) สำหรับวิศวกร ตามสูตร ASME B31.3 เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
8 พ.ย. 2568

ถอดรหัสมาตรฐานท่อเหล็ก ASTM A53: Grade A และ B ต่างกันอย่างไร? ควรเลือกใช้ในงานระบบไหน
7 พ.ย. 2568

ครบจบในที่เดียว! ตารางเทียบขนาดและน้ำหนักท่อเหล็กดำ ASTM A53 (NPS, OD, Wall Thickness) ตามมาตรฐาน ASME B36.10M
14 พ.ย. 2568
ดูบทความทั้งหมด

